Monday, October 12, 2015

หลักฐานเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์นอกคัมภีร์ไบเบิล


พยานรู้เห็นเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งในยุคปัจจุบันหรือยุคไหนๆ  ก็ตาม

-         คนใกล้ชิดกล่าวถึงพระเยซูว่าอย่างไร ซึ่งเราพบหลักฐานในไบเบิ้ลได้มากมาย และจากประวัติศาสตร์พระคัมภีร์

-         คนนอกกล่าวถึงพระเยซูว่าอย่างไร เรามาดูกัน จากคนในสมัยนั้น

เรื่องพระเยซูจะเป็นแค่เรื่องเล่า หรือเรื่องจริงกันแน่ และพระองค์ถูกตรึงจริงหรือไม่

มีบางลัทธิ นำเรื่องพระเยซูคริสต์ไปสอนแบบผิดๆ บิดเบือนจากประวัติศาสตร์โลก(ซึ่งคนก็หลงเชื่อ)  อ้างว่าพระองค์ไม่ได้ถูกตรึงจริงบ้าง สลับตัวบ้าง ไม่ได้สิ้นพระชนน์จริงบ้าง เพียงแค่สลบไปเท่านั้น 

เรามาดูหลักฐานจากประวัติศาสตร์  ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ใช่ชาวคริสต์แต่อย่างใด



Thallus (52AD)

เป็นนักเขียนที่เก่าแก่ที่สุดของโลกที่กล่าวถึงเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ และงานเขียนของท่านในสมัยโบราณ ได้ถูกนำมาอ้างอิงอีกครั้งโดย  Julius Africanus ซึ่งอยู่ในช่วงปี   221AD  

ก่อนนี้ Thallus  ได้อธิบาย เรื่องความมืดที่เกิดขึ้น ในช่วงพระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขน ว่า : 

โลกทั้งโลก เต็มไปด้วยความมืดที่ถูกปกคลุมช่างเป็นบรรยากาศที่น่ากลัวยิ่งนัก  และหินก็ถูกเขย่าแยกออก เพราะแผ่นดินไหว  สถานที่หลายแห่งในแคว้นยูเดียและบริเวณรอบ ๆก็ สั่นสะเทือนและพังลง
 Thallus ได้เขียนเหตุการณ์นี้ในหนังสือประวัติศาสตร์เล่มที่สาม  ชื่อว่า ปรากฏการณ์ที่ไม่คาดฝัน ของการเกิด สุริยุปราคา
อ้างอิง (Julius Africanus, Chronography, 18:1)
จากข้อมูลและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ Thallus ได้บันทึกเอาไว้แสดงให้เห็นว่าพระเยซูท่านถูกตรึงที่กางเขนจริง


Tacitus (56-120AD)


Cornelius Tacitus ท่านเป็นที่รู้จักกันในนามกลุ่มนักวิเคราะห์และผู้ตรวจสอบงานด้านเอกสารทางประวัติศาสตร์ เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในยุคนั้น

ท่านเป็นสมาชิกวุฒิสภา ภายใต้จักรพรรดิ Vespasian และ ยังเป็นกงสุลของเอเชียไมเนอร์อีกด้วย

ในปี  116 AD งานเขียนด้านพงศาวดารของเขา กล่าวถึงการตอบสนองของจักรพรรดิเนโรต่อเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงโรม  ซึ่งประชาชนกล่าวว่าแท้จริงจักรพรรดิ์เนโรเป็นผู้ก่อเหตุไฟไหม้เอง แต่โยนความผิดให้กับคริสเตียนเป็นแพะรับบาป

ดังในบันทึก กล่าวว่า
" กษัตริย์เนโรได้สร้างรอยแผลทางประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดและพฤติกรรมที่โหดร้ายต่อ ชาวคริสต์  โดยใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่งในการกดขี่ข่มเหงชาวคริสต์  ซึ่งชื่อของพวกคริสเตียนมาจากชื่อของคนๆหนึ่ง  คือ...คริตุส หรือ (พระคริสต์)  

ข้อสรุปนี้
ชาวคริสต์ ได้รับความเดือดร้อนจากการทารุณกรรมในช่วงรัชสมัยของ Tiberius ภายใต้การปกครองของ Pontius Pilatus


จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ Tacitusได้ยืนยัน เรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูได้อาศัยอยู่ในแคว้นยูเดียและถูกตึงกางเขน ภายใต้การปกครองของ Pontius และผู้ติดตามพระองค์ก็ถูก
ข่มเขงเพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์นั่นเอง



Mara Bar-Serapion (70AD)

หลังปี 70 AD, Mara Bar-Serapion ซึ่งเป็นนักปรัชญาชาวซีเรีย  ได้เขียน บทความเพื่อหนุนใจและสร้างกำลังใจแด่บุตรชาย ของท่าน

ซึ่งในบทความนี้ ได้มีนักปรัชญาหลายคนมาร่วมแสดงความคิดเห็น ในเรื่องพระเยซูคริสต์ถูกตรึงที่กางเขน ได้พูดถึงการอดทนและการยืนหยัดในเรื่องความเชื่อของพระองค์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อคนเป็นอันมากในสมัยนั้น

 Mara Bar-Serapion  ได้ กล่าวถึง พระเยซู ดังนี้

 มีผู้คนคิดว่าพระเยซูเป็นผู้มีคุณธรรมสูง เฉลี่ยวฉลาด เป็นกษัตริย์ของชาวยิว ได้ถูกนำไปสู่ความตายโดยชาวยิวที่ต่อต้านพระองค์ และ ชื่อของพระองค์ยังคงอยู่สืบเนื่องจากคำสอนต่างๆของเหล่าผู้เชื่อในพระองค์ยังคงติดตามพระองค์อย่างไม่ย่อท้อ

Reference To Jesus Christ

What benefit did the Athenians obtain by putting Socrates to death? Famine and plague came upon them as judgment for their crime. Or, the people of Samos for burning Pythagoras? In one moment their country was covered with sand. Or the Jews by murdering their wise king?. . . after that their kingdom was abolished. God rightly avenged these men. . . the wise king. . . lived on in the teachings he enacted.

British Museum, Syriac Manuscript, Additional 14,658


Phlegon (80-140AD)

งานเขียนคล้ายกับ Thallus, Julius Africanus โดย Phlegon ได้นำมากล่าวถึงในเรื่องพระเยซูด้วยเช่นกัน  . เขียนขึ้นในปี 140AD.

  Phlegon กล่าวถึง ความมืดที่บังเกิดขึ้นช่วงที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน : ดังข้อความ

ภายใต้การปกครองของ Tiberius Caesar, ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง, ได้เกิด สุริยุปราคาตั้งแต่ เวลา 12.00-15.00 น.
อ้างอิง  (Africanus, Chronography, 18:1)

Phlegon ยังได้กล่าวถึง Origen (เป็นนักวิชาการด้านพระคัมภีร์ในคริสตจักรช่วงต้น เขาเกิดที่อเล็กซานเดีย ):

ในหนังสือสิบสามหรือสิบสี่พงศาวดารของเขา  Phlegon, ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์  เขา  .... บันทึกไว้ใน......

(Origen Against Celsus, Book 2, Chapter 14)
และเรื่องสุริยุปราคา   ในสมัย Tiberius Caesar พระเยซูได้ถูกตรึงที่กางเขนและเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขึ้น .......บันทึกไว้ใน....
(Origen Against Celsus, Book 2, Chapter 33)

อีกหนึ่งข้อความที่เขา บันทึกไว้

 พระเยซูคริสต์ ได้ถูกตรึงที่กางเขน ท่านไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้  หลังจากที่ท่านฟื้นคืนพระชนน์ ร่องรอยตะปู ซึ่งเป็นสัญลักษาณ์การถูกตรึงก็ยังคงทิ้งไว้ให้เห็น.”
อ้างอิง (Origen Against Celsus, Book 2, Chapter 59)
ข้อสรุป พบว่าพระเยซู ถูกตรึงกางเขน ภายใต้การปกครองของ Tiberius Caesar  โดยมีร่องรอย(ตะปู)และบาดแผลหลังจากการฟื้นคืนพระชนน์  แสดงว่าพระองค์ถูกตรึงกางเขนจริงโดยไม่มีใครมาสลับตัว หรือแค่สลบไป
Pliny the Younger (61-113AD)


Pliny the Younger,ได้เขียนในจดหมายของเขา ในยุค จักรพรรดิโรมัน Trajan .เขาได้อธิบายถึงชีวิตคริสเตียนในช่วงนั้น ว่า   
  ชาวคริสเตียนมักจะมารวมกลุ่มสามัคคีธรรมกันบ่อยๆ มีการร้องเพลงนมัสการ สรรเสริญพระเจ้าของชาวคริสต์    ซึ่งพระเยซูทรงเป็นพระเจ้าของเขา ได้มาปลดปล่อยพวกเขาเอง จากคำแช่งสาป และเป็นข้าไถ่ต่อคนเป็นอันมาก ท่านไม่เคยกระทำการชั่วร้ายใดๆ  ไม่เคยทุจริตโจรกรรม หรือ เล่นชู้ หรือเป็นพยานเท็จ หรือ กล่าวเท็จ ท่านยืนหยัดในความจริง และ ยืดมั่นในสิ่งถูกต้องเที่ยงธรรม คำสอนของพระองค์ได้แพร่ขยายเป็นวงกว้าง เสมือนเป็นอาหารฝ่ายจิตวิญญาณ แต่ อาหารฝ่ายวิญญาณนี้รับโดยผู้ติดตามที่สัตย์ซื่อ ใจบริสุทธิ์ ชอบธรรม

การบันทึกทางประวัติศาสตร์เป็นข้อยืนยัน ในเรื่องความเชื่อของชาวคริสต์ ได้ติดตามพระเยซู และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่เปี่ยมล้นด้วย ใจเมตตา กรุณา ผู้ที่ติดตามพระองค์ได้นมัสการพระองค์ อย่างเข้มแข็งเอาจริงเอาจัง.สะท้อนให้เห็นว่าคนสมัยนั้นรู้จักพระองค์ และ ชาวคริสเตียน

Suetonius (69-140AD)

ท่านเป็นนักประวัติศาสตร์ชาวโรมันและเป็นผู้บันทึกเหตุการณ์ของจักรพรรดิเฮเดรียที่ปฏิบัติต่อคริสเตียน: (41-54AD):
Claudius ได้ข่มเหงชาวยิวอย่างต่อเนื่อง และ ขับไล่พวกเขาออกจากกรุงโรม... ข้อความบันทึกนี้ ...อ้างอิง   (Life of Claudius, 25:4)

ในปี 64  AD Suetonius  ,  ได้เขียนเกี่ยวกับการเกิดเหตุไฟไหม้ ที่กรุงโรม ภายใต้การปกครองของเนโร และ กษัตริย์เนโรได้ ตำหนิคริสเตียนในไฟไหม้ครั้งนี้และเขาได้ลงโทษคริสเตียนอย่างทารุณ  นี่คือข้อความบันทึกไว้ :

"เนโรได้กล่าวร้าย และลงโทษคริสเตียนโดยให้เหตุผลว่าเป็นศาสนาใหม่ที่สร้างความวุ่นวาย.

อ้างอิง (Lives of the Caesars, 26.2)

 เราสามารถเรียนรู้จาก Suetonius  ในการบันทึกเกี่ยวกับคริสเตียนในช่วงแรก  จากข้อบันทึกนี้เอง แสดงว่าพระเยซูท่านมีอิทธิพลสูงต่อเหล่าศิษย์และผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก : พวกเขามีความมุ่งมั่นในเรื่องความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ที่ท่านทรงเป็นพระเจ้า ท่านได้เป็นแบบอย่างความอดทนและการยืนหยัดในความเชื่อ

ดังนั้นแม้ชาวคริสต์จะถูกข่มเหง อย่างต่อเนื่องในการที่ถูกลงโทษอย่างหลากหลาย และการทารุณอย่างโหดเหี้ยมจากโรมันยุคนั้น สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สามารถทำให้ชาวคริสต์ปฏิเสธความจริงในพระคริสต์ไปได้


Lucian of Samosata: (115-200 A.D.)


เป็นชาวกรีกผู้มีวาจาเหน็บแนมได้อย่างดุเด็ด เผ็ดร้อน ได้พูดจาแดกดันเกี่ยวกับพระคริสต์ และ คริสเตียน,ซึ่งสิ่งนี้ เป็นข้อยืนยัน ว่าพระเยซูคริสต์เป็นบุคคลจริงที่มีอยู่:   ข้อความที่กล่าวไว้.....

กลุ่มคริสเตียน, ได้ยอมรับว่า พวกเขานมัสการมนุษย์ที่ชื่อเยซู – ซึ่งเป็นบุคคลที่โดดเด่นในด้านความประพฤติและธรรมบัญญัติ ถูกจับไปตรึงที่กางเขน.....เราพบว่า กลุ่นคนเหล่านี้ได้เชื่อในเรื่องชีวิตนิรันดร์ แม้จะถูกดูถูกเรื่องไม้กางเขนที่นำไปสู่ความตายโดยสมัครใจ ซึ่งทำให้หลายคนตัดสินใจรับเชื่อและติดตามพระองค์ มากกว่าเทพเจ้ากรีก และรับความชอบธรรมผ่านทางความเชื่อและสละสิ่งสารพัดตามพระองค์ไป  
อ้างอิง (Lucian, The Death of Peregrine. 11-13)

จากการบันทึกของ Lucian  เกี่ยวกับพระเยซู ไม่ว่าจะเป็นคำสอน และการกลับใจใหม่ ครอบครัวในพระคริสต์ของผู้เชื่อที่ติดตามพระองค์ได้แพร่กระจายไปในบริเณนั้น เป็นการคอมเฟริมอย่างชัดเจนของการมีอยู่จริงของพระองค์


Celsus (175AD)


เขาเป็นปฏิปักษ์ต่อพระกิตติคุณ  เขาได้วิจารณ์และเขียนข้อโต้แย้ง โดยยกข้อพระคัมภีร์จากไบเบิ้ล ถึง 80 ข้อ ในเรื่องต่างๆ มาวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งทำให้เห็นว่า เรื่องราวพระเยซูไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นแน่นอน เพราะคนที่ไม่ชอบใจในพระองค์ก็มาวิจารณ์เรื่องของพระองค์ตรงๆ
นี่คือสิ่งที่เขากล่าวไว้ในเวลานั้น คือ  

-         การอัศจรรย์ที่พระเยซูได้กระทำ  มีคนรับเชื่อกันโดยทั่วไปในช่วงต้นศตวรรษที่ 2 

-         พระเยซูมาจากหมู่บ้านในแคว้นยูเดียและเป็นบุตรชายของชาวยิวที่ยากจนได้รับการใช้ชีวิตผ่านการเลี้ยงดูจากท่านทั้งสอง คือ นางมารีย์ และโยเซฟ โดยบิดาเป็นช่างไม้ 

Celsus ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์อ้างตนว่าเป็นพระเจ้าผ่านการทำอัศจรรย์หลายอย่าง

 มาดูประวัติศาสตร์การบันทึกของชาวยิวบ้าง

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และผู้ติดตามพระองค์  ผู้เขียนเป็นนักศาสนศาสตร์ ชาวยิว ด้านประวัติศาสตร์และท่านเองก็เป็นผู้นำด้วยเช่นกัน แน่นอนเขาไม่ได้เห็นด้วยกับคริสเตียน หรือมีใจสงสารที่ชาวคริสต์ถูกข่มเหง.
 งานเขียนของเขาเต็มไปด้วยความรุนแรงในเรื่องพระเยซูคริสต์ ซึ่งก็เป็นข้อยืนยันว่า พระองค์มีตัวตนอยู่จริง.    


Josephus (37-101AD)

ใน ปี  94AD. Josephus เกิดหลังพระเยซูคริสต์ถูกตรึงกางเขนไปแล้ว 4 ปี ท่านบันทึกเรื่องของพระองค์ ไว้ใน  โบราณวัตถุของชาวยิว   

ในวัยเด็ก Josephus เป็นผู้บัญชาการทหารของกาลิเลโอ พออายุสิบหก ก็ได้รับอนุญาตให้บันทึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาวยิว และเป็นสักขีพยาน ในงานเขียนต่างๆ ช่วงศตวรรษแรกภายใต้การปกครอง ของจักรพรรดิโรมัน และเขาเองได้เป็นที่ปรึกษาให้กับรับบีชาวยิวอีกด้วย .

 มีอยู่ 3 อย่างในงานเขียนของ Josephus   ที่โด่งดังและมีชื่อเสียง  

อย่างแรก คือเรื่อง ยอห์นแบ๊บติส เขาได้อธิบายการตายของยอห์นเอาไว้ด้วย

อย่างที่สอง คือเรื่อง ยากอบ (ยากอบที่เป็นน้องชายพระเยซูคริสต์เจ้า  (

อย่างที่สาม คือ เรื่องพระเยซูคริสต์ เขาเล่าว่า พระองค์เป็นผู้มีปัญญา เฉลี่ยวฉลาด และ ทรงเป็นพระมาซีฮาห์  

เขายังกล่าวต่อไปอีกว่าช่วงชีวิตของพระเยซู  พระองค์ทำงานหนักมาก ในการประกาศข่าวดี  มีผู้ติดตามพบได้ทั้งชาวยิวและชาวกรีก และ Pilate,เป็นผู้รับเรื่องจากชาวยิวให้จับพระองค์ ไปตรึงกางเขน, (แต่) บุคคลที่รักและศรัทธาในพระองค์ก็ไม่ได้หยุดที่จะติดตามพระองค์ (พวกเขายังติดตามพระองค์อย่างต่อเนื่อง ไม่ลดละ) ซึ่งชาวคริสต์ ก็ไม่ได้หายสาบสูญ หรือเสื่อมความศรัทธาลงแต่อย่างใด  

 ในแง่ประวัติศาสตร์เก่าแก่มากมายของ Josephus’ได้อธิบายถึงธรรมชาติของพระเยซูคริสต์  พระลักษณะของพระองค์ การทำหมายสำคัญอัศจรรย์  , ชีวิตการรับใช้ และความเป็นพระเจ้าของพระองค์ , นี่คือแนวคิดจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่มีมุมมองต่อองค์พระเยซูที่เราเรียนรู้ได้เพิ่มเติม 

สรุป จากข้อบันทึกของ Josephus พบ ว่าพระองค์ได้อาศัยอยู่ที่ปาเลสไตน์ ทรงเฉลี่ยวฉลาดด้านสติปัญญา เต็มไปด้วยความรู้ และความสามารถ
 

พระองค์ถูกกล่าวหาโดยชาวยิว พวกเขาจับพระองค์ไปตรึงกางเขนภายใต้การปกครองของปิลาต และมีผู้ติดตามพระองค์ที่เรียกว่าคริสเตียน

Jewish Talmud (400-700AD)

Talmudic เป็นรับบีชาวยิวมีการบันทึกไว้ในช่วง ศตวรรษที่ 5   เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อ คำสอน ส่งผ่านรุ่นต่อรุ่น จากช่วง 1 ศตวรรษก่อนคริสตกาลถึงศตวรรษที่ 2

โดย Tannaitic ได้มีการบันทึกเกี่ยวกับพระเยซูเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยชื่อของ พระองค์ อาจแทนด้วยคำเหล่านี้ (  บาลาอัม” or “Ben Stada” or “คนหนึ่ง” )ทำไมต้องแทนด้วยคำเหล่านี้ ก็เพราะว่าเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมจะไม่ยอมเอ่ยชื่อพระเยซูตรงๆ
ยกตัวอย่างงานเขียนให้เห็น บางส่วน


โดยคำบันทึกเกี่ยวกับพระองค์มีดังนี้
  พระเยซูทำปาฏิหาริย์  นำคนยิวให้หลงไป อ้างอิง (b. Sanhedrin 43a; cf. t. Shabbat 11.15; b. Shabbat 104b)

คำกล่าวถึง  พระเยซูชาวนาซาเล็ท . อ้างอิงไว้ใน (b. Sanhedrin 103a; cf. b. Berakhot 17b)

เหล่ารับบีสอนว่า พระเยซูมีสาวก 5 คน : Matthai, Nakai, Nezer, Buni and Todah.  อ้างอิง (b. Sanhedrin 43a; the passage continues in a similar way for Nezer, Buni and Todah)

อีกหนึ่งในข้อความที่โด่งดัง บันทึกไว้ดังนี้ :ก่อนเทศกาลปัสกาที่พระเยซูจะถูกแขวนที่ต้นไม้นั้น .ก่อนนี้พระองค์เคยอดอาหารอธิษฐาน40วัน 40 คืน  และ ถูกหินขว้างเนื่องจากพระองค์แสดงปาฏิหาริย์ ทำให้คนยิวหลงไป

และชาวยิวจับพระองค์ไว้ และจะนำพระองค์ไปแขวนคอก่อนเทศกาลปัสกา . อ้างอิงใน (b. Sanhedrin 43a)

จากการบันทึกที่กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ ได้ทำปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทำให้คนยิวละทิ้งความเชื่อเดิม(ยูดาย) มาเป็นสาวกของพระองค์(ชาวคริสต์) และเหล่าสาวกได้ถูกทรมารเนื่องจากความเชื่อของเขา หนึ่งในนั้นคือ  Matthai
https://en.wikipedia.org/wiki/Jesus_in_the_Talmud

 


 จากประวัติศาสตร์ของบุคคลเหล่านี้ก็เป็นการการันตีถึงพระองค์ได้เป็นอย่างดี ในเรื่องการสิ้นพระชนน์ที่กางเขน และ การมีอยู่จริงของพระองค์ ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าตามตำนาน แต่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
 

No comments:

Post a Comment