แต่ถ้าเราพิจารณาอย่างถ่องแท้ พบว่า เกือบ 100 % มาจากฝั่งทางยิวโดยส่วนใหญ่ ยกเว้น อิชมาเอล (ที่มาจากฝั่งอาหรับ)
อิสลามเอา Torah จากยิวไปใช้ (หรือ 5 เล่มแรกใน OT ของชาวคริสต์ ) แล้ว Allah เอาไปเขียนดัดแปลงใหม่ ใส่ชื่ออิชมาเอลเป็นบุตรในพันธสัญญาที่ Allah จะอวยพร และ อิชมาเอลคือบุตรที่อับราฮัมจะถวายแด่พระเยโฮวาห์
ซูเราะฮ์อัศศ็อฟฟาต อายะฮ์ที่ 100-107 ว่า
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงประทานบุตรที่มาจากหมู่คนดีให้แก่ข้าพระองค์ด้วย ดังนั้นเราจึงแจ้ง ข่าวดี แก่เขาว่าจะได้ลูกคนหนึ่งที่มีความอดทน ขันติ (อิสมาอีล) ครั้นเมื่อเขา (อิสมาอีล) เติบโตขึ้นไปไหนมาไหนกับอิรอฮีมได้แล้ว (นักตัฟซีรกล่าวว่า เมื่ออิสมาอีลอายุได้ 13 ปี) อิบรอฮีมได้กล่าวขึ้นว่า “โอ้ ลูกเอ๋ย ! แท้จริงพ่อได้เห็นในขณะฝันว่า พ่อได้เชือดเจ้า จงคิดดูซิว่าเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร” เขากล่าวว่า “ โอ้พ่อจ๋า ! พ่อจงปฏิบัติตามที่พ่อได้ถูกบัญชามาเถิด หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์พ่อจะเห็นฉันว่า ฉันอยู่ในหมู่ผู้มีความอดทน” ครั้นเมื่อทั้งพ่อและลูกได้ยอมมอบตนแก่อัลลอฮ์ อิบรอฮีมได้ให้อิสมาอีลคว่ำหน้าลงกับพื้น และเราได้เรียกเขาว่า “โอ้ !อิบรอฮีมเอ๋ย แน่นอนเจ้าได้ปฏิบัติถูกต้องตามฝันแล้ว” แท้จริงเช่นนั้นแหละ เราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย แท้จริงนั่นคือการทดสอบที่ชัดแจ้งแน่นอน และเราได้ให้ค่าไถ่ตัวเขา ด้วยสัตว์เชือดพลีอันใหญ่หลวง (เชือดแกะใหญ่ตัวหนึ่ง)
แต่ทว่าต้นฉบับเดิมของชาวยิว ที่มีการบันทึกไว้ อิสอัค คือบุตรในพันธสัญญา และเป็นบุตรที่อับราฮัมจะนำไปถวาย
คำภีร์ชาวยิว กล่าวไว้ดังนี้
Bereshit / Genesis 17
Bereshit 17:19 And ´Élöhîm אֱלֹהִים 430 said, 559 z8799 §ärà שָׂרָה 8283 thy wife 802 shall bear 3205 z8802 thee a son 1121 indeed; 61 and thou shalt call 7121 z8804 x853 his name 8034 Yixçäk יִצחָק: 3327 and I will establish 6965 z8689 x853 my covenant 1285 with x854 him for an everlasting 5769 covenant, 1285 [and] with his seed 2233 after x310 him. y310
3327 คือ ชือของ อิสอัค ระบุไว้ชัดเจนในภาษาฮีบรู ว่าเป็นบุตรในพันธสัญญา
Bereshit17:19 waYomer élohiym áväl säräh ish'T'khä yoledet l'khä Bën w'qärätä et-sh'mô yitz'chäq waháqimotiy et-B'riytiy iTô liv'riyt ôläm l'zar'ô acháräyw
ไบเบิลชาวคริสต์
ปฐก17:19 และพระเจ้าตรัสว่า “ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะคลอดบุตรชายคนหนึ่งแก่เจ้าเป็นแน่ และเจ้าจะเรียกชื่อของเขาว่า อิสอัค และเราจะตั้งพันธสัญญาของเรากับเขาและกับเชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขาให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์
Genesis 17:19 And God said, Sarah thy wife shall bear thee a son indeed; and thou shalt call his name Isaac: and I will establish my covenant with him for an everlasting covenant, and with his seed after him.
การถวายอิสอัค
Bereshit 22:2 And he said, 559 z8799 Take x3947 now y3947 z8798 x4994 x853 thy son, 1121 x853 thine only 3173 [son] x853 Yixçäk יִצחָק, 3327 whom x834 thou lovest, 157 z8804 and get x1980 thee y3212 z8798 into x413 the land 776 of Môriyyà מוֹרִיָּה; 4179 and offer x5927 him y5927 z8685 there x8033 for a burnt offering 5930 upon x5921 one 259 of the mountains 2022 which x834 I will tell 559 z8799 thee of. x413
ชื่อ อิสอัค ก็เขียนไว้ชัดเจนเช่นกัน ( 3327 )
ปฐก22:2 และพระองค์ตรัสว่า “จงพาบุตรชายของเจ้า บุตรชายคนเดียวของเจ้า คืออิสอัค ผู้ที่เจ้ารัก และไปยังแผ่นดินโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า”
Genesis 22:2 And he said, Take now thy son, thine only son Isaac, whom thou lovest, and get thee into the land of Moriah; and offer him there for a burnt offering upon one of the mountains which I will tell thee of.
ข้อสังเกต
หลังจากนั้น ในคัมภีร์ยิว-คริสต์ ก็ไม่มีการกล่าวถึง อิชมาเอลอีกเลย ผิดกับ อิสอัคที่ พระคัมภีร์ได้พูดถึงเรื่องราวของท่านไว้อย่างต่อเนื่อง
อับราฮัมส่งเอลีเอเซอร์ไปหาเจ้าสาวสำหรับอิสอัค ปฐก 24
อิสอัคได้รับพันธสัญญาเช่นเดียวกับอับราฮัม ปฐก 26
อิสอัคอวยพรยาโคบ ปฐก 27
ปฐก25:5 และอับราฮัมได้มอบทุกสิ่งที่ท่านมีอยู่แก่อิสอัค
อพย32:13 ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล พวกผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิญาณด้วยพระองค์เอง และตรัสแก่เขาเหล่านั้นไว้ว่า ‘เราจะให้เชื้อสายของพวกเจ้าทวีมากขึ้นดุจดวงดาวมากมายในฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินนี้ทั้งหมดซึ่งเรากล่าวถึงแล้ว เราจะประทานให้แก่เชื้อสายของพวกเจ้า และพวกเขาจะรับแผ่นดินนี้ไว้เป็นมรดกตลอดไป’”
เลวีนิติ26:42 ดังนั้น เราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อยาโคบ และพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่ออิสอัค และพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่ออับราฮัมด้วย และเราจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น
1พงศาวดาร16:16 คือพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับอับราฮัม คำปฏิญาณซึ่งทรงกระทำไว้กับอิสอัค
กท4:28 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้เราเป็นบุตรแห่งพระสัญญาเช่นเดียวกับอิสอัค
(พบใน NT)
ฮบ11:18 คือบุตรที่มีพระดำรัสไว้ว่า ‘เขาจะเรียกเชื้อสายของเจ้าทางสายอิสอัค
(พบใน NT)
ชาวยิวและชาวคริสต์ ใช้พระคัมภีร์เดิมเหมือนกัน แตกต่างแค่การเรียงลำดับเท่านั้นเอง
มีคำพยากรณ์จาก OT แจ้งเอาไว้ล่วงหน้า ว่า พระเมสสิยาห์ (คือพระเยซูคริสต์) จะเสด็จมาบังเกิด และ สำเร็จแล้วใน NT
มธ1:21 และเธอจะประสูติบุตรชาย และเจ้าจะเรียกนามของท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านจะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขาทั้งหลาย”
มธ1:22 บัดนี้บรรดาสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามคำตรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยผู้พยากรณ์ว่า
มธ1:23 ‘ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล ซึ่งแปลว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา’
ถ้าดูจากแผนผังนี้ก็ไม่น่าเกี่ยวกันได้เลย ระหว่าง อิสลาม กับฝั่ง ยิว - คริสต์ เพราะไม่มีจุดเชื่อมต่อใดๆ ไปยังมูฮัมมัด
ความเชื่อมโยงระหว่าง OT และ NT มีความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกัน และ ลิงค์ถึงกัน แต่ Quran ไม่มีจุดเชื่อมต่อใดๆให้เห็น
ยน4:26 พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราที่พูดกับเจ้าคือท่านผู้นั้น”
ยน6:68 ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์
ยน6:69 และข้าพระองค์ทั้งหลายก็เชื่อและแน่ใจแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์”
สุดท้าย อิสลาม เอาเรื่องพระเยซูไปเขียนใหม่แบบผิดๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับของชาวคริสต์และไบเบิล อีกทั้งขัดแย้งกับประวัติศาสตร์นอกพระคัมภีร์อีกด้วย
...และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีห อีซา บุตรของมัรยัม ร่อซู้ลของอัลลอฮ์ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซา และหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก้พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ ต่อเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าเขาด้วยความแน่ใจ (อีซา)... (คัมภีร์กุรอาน, 4:157)
ต้นฉบับไบเบิลชาวคริสต์พบในพระกิตติคุณ 4 เล่มแรก ยกข้อ พระธรรมยอห์น มาให้ดูบางส่วน
ยน19:16 แล้วปีลาตจึงมอบพระองค์ให้เขาพาไปตรึงที่กางเขน และเขาพาพระเยซูไป
ยน19:17 และพระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า สถานที่กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา
ยน19:18 ณ ที่นั้น เขาตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนกับคนอีกสองคน คนละข้างและพระเยซูทรงอยู่กลาง
ยน19:28 หลังจากนั้นพระเยซูทรงทราบว่า ทุกสิ่งสำเร็จแล้ว เพื่อพระคัมภีร์จะสำเร็จจึงตรัสว่า “เรากระหายน้ำ”
ยน19:30 เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำองุ่นเปรี้ยวแล้ว พระองค์ตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป
Frank Morison เป็นทนายความ
ไม่เชื่อว่าพระเยซูท่านเป็นขึ้นมาจากความตาย และ ถูกตรึงกางเขนจริง จึงได้หาข้อพิสูจน์ ต่างๆ ...เรื่องพระศพหายไปไหน จนกระทั่งเขาได้เขียนหนังสือที่เขาไม่ตั้งใจจะเขียนขึ้น คือ Who moved the stone ?
ตอนแรกท่านจะเขียนเพื่อต่อต้าน แต่ สิ่งต่างๆ ที่ท่านพิสูจน์ กลับกลายเป็นข้อสนับสนุนเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ จนทำให้ท่านรับเชื่อใน พระองค์
ข้อหลักฐานที่ไม่ใช่ ชาวคริสต์บันทึกเอง เรื่องการถูกตรึงที่กางเขน รวมถึงเรื่องอื่นๆ ซึ่งประวัติศาสตร์ภายนอกก็สอดคล้องและตรงกับไบเบิลทุกประการ
อิสลาม ไม่มีจุดเชื่อม ระหว่าง ยิว - คริสต์
พระคัมภีร์เดิมให้น้ำหนักกับอิสอัค มากกว่า อิชมาเอล
พระคัมภีร์เดิมเกี่ยวข้องกับชาวยิว ไม่ใช่ฝั่งอาหรับมุสลิม
ไบเบิลชาวยิว - คริสต์ สอดคล้องกัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับ Quran
ไม่มีจุดเชื่อมต่อ ระหว่างพระเยซูคริสต์ กับ มูฮัมหมัด