Tuesday, September 20, 2016

เรื่องน่ารู้: หลักฐานเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์นอกคัมภีร์ไบเบิล

เรื่องน่ารู้: หลักฐานเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์นอกคัมภีร์ไบเบิล: พยานรู้เห็นเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งในยุคปัจจุบันหรือยุคไหนๆ   ก็ตาม -          คนใกล้ชิดกล่าวถึงพระเยซูว่าอย่างไร ซึ่งเราพบหลักฐานในไบเบิ้ลได...

Thursday, October 22, 2015

เนื่องจากมีหลายท่านสงสัย ว่า ศาสนา ยูดาย , ศาสนา คริสต์ , และ ศาสนาอิสลาม เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

มุสลิม มักจะอ้างจาก อัลกุรอ่าน ถึง  25 ศาสนฑูตท่านเหล่านี้

แต่ถ้าเราพิจารณาอย่างถ่องแท้ พบว่า เกือบ 100 % มาจากฝั่งทางยิวโดยส่วนใหญ่  ยกเว้น อิชมาเอล (ที่มาจากฝั่งอาหรับ)


อิสลามเอา Torah จากยิวไปใช้ (หรือ 5 เล่มแรกใน OT ของชาวคริสต์ ) แล้ว Allah เอาไปเขียนดัดแปลงใหม่  ใส่ชื่ออิชมาเอลเป็นบุตรในพันธสัญญาที่ Allah จะอวยพร และ อิชมาเอลคือบุตรที่อับราฮัมจะถวายแด่พระเยโฮวาห์
  


ซูเราะฮ์อัศศ็อฟฟาต อายะฮ์ที่ 100-107 ว่า

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์     ขอพระองค์ทรงประทานบุตรที่มาจากหมู่คนดีให้แก่ข้าพระองค์ด้วย ดังนั้นเราจึงแจ้ง  ข่าวดี  แก่เขาว่าจะได้ลูกคนหนึ่งที่มีความอดทน ขันติ (อิสมาอีล) ครั้นเมื่อเขา (อิสมาอีล) เติบโตขึ้นไปไหนมาไหนกับอิรอฮีมได้แล้ว (นักตัฟซีรกล่าวว่า เมื่ออิสมาอีลอายุได้ 13 ปี) อิบรอฮีมได้กล่าวขึ้นว่า  “โอ้ ลูกเอ๋ย ! แท้จริงพ่อได้เห็นในขณะฝันว่า พ่อได้เชือดเจ้า จงคิดดูซิว่าเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร”  เขากล่าวว่า  “ โอ้พ่อจ๋า !  พ่อจงปฏิบัติตามที่พ่อได้ถูกบัญชามาเถิด หากอัลลอฮ์ทรงประสงค์พ่อจะเห็นฉันว่า ฉันอยู่ในหมู่ผู้มีความอดทน” ครั้นเมื่อทั้งพ่อและลูกได้ยอมมอบตนแก่อัลลอฮ์ อิบรอฮีมได้ให้อิสมาอีลคว่ำหน้าลงกับพื้น และเราได้เรียกเขาว่า “โอ้ !อิบรอฮีมเอ๋ย แน่นอนเจ้าได้ปฏิบัติถูกต้องตามฝันแล้ว”    แท้จริงเช่นนั้นแหละ    เราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย แท้จริงนั่นคือการทดสอบที่ชัดแจ้งแน่นอน และเราได้ให้ค่าไถ่ตัวเขา ด้วยสัตว์เชือดพลีอันใหญ่หลวง  (เชือดแกะใหญ่ตัวหนึ่ง)



แต่ทว่าต้นฉบับเดิมของชาวยิว ที่มีการบันทึกไว้ อิสอัค คือบุตรในพันธสัญญา  และเป็นบุตรที่อับราฮัมจะนำไปถวาย 
 

คำภีร์ชาวยิว กล่าวไว้ดังนี้
Bereshit / Genesis 17

Bereshit 17:19 And ´Élöhîm אֱלֹהִים 430 said, 559 z8799 §ärà שָׂרָה 8283 thy wife 802 shall bear 3205 z8802 thee a son 1121 indeed; 61 and thou shalt call 7121 z8804 x853 his name 8034 Yixçäk יִצחָק: 3327 and I will establish 6965 z8689 x853 my covenant 1285 with x854 him for an everlasting 5769 covenant, 1285 [and] with his seed 2233 after x310 him. y310

3327   คือ ชือของ อิสอัค  ระบุไว้ชัดเจนในภาษาฮีบรู ว่าเป็นบุตรในพันธสัญญา

Bereshit17:19 waYomer élohiym áväl säräh ish'T'khä yoledet l'khä Bën w'qärätä et-sh'mô yitz'chäq waháqimotiy et-B'riytiy iTô liv'riyt ôläm l'zar'ô acháräyw


ไบเบิลชาวคริสต์
ปฐก17:19 และพระเจ้าตรัสว่า “ซาราห์ภรรยาของเจ้าจะคลอดบุตรชายคนหนึ่งแก่เจ้าเป็นแน่ และเจ้าจะเรียกชื่อของเขาว่า อิสอัค และเราจะตั้งพันธสัญญาของเรากับเขาและกับเชื้อสายของเขาที่มาภายหลังเขาให้เป็นพันธสัญญานิรันดร์
Genesis 17:19 And God said, Sarah thy wife shall bear thee a son indeed; and thou shalt call his name Isaac: and I will establish my covenant with him for an everlasting covenant, and with his seed after him.



การถวายอิสอัค

Bereshit  22:2 And he said, 559 z8799 Take x3947 now y3947 z8798 x4994 x853 thy son, 1121 x853 thine only 3173 [son] x853 Yixçäk יִצחָק, 3327 whom x834 thou lovest, 157 z8804 and get x1980 thee y3212 z8798 into x413 the land 776 of Môriyyà מוֹרִיָּה; 4179 and offer x5927 him y5927 z8685 there x8033 for a burnt offering 5930 upon x5921 one 259 of the mountains 2022 which x834 I will tell 559 z8799 thee of. x413


ชื่อ  อิสอัค ก็เขียนไว้ชัดเจนเช่นกัน  ( 3327 )

ปฐก22:2 และพระองค์ตรัสว่า “จงพาบุตรชายของเจ้า บุตรชายคนเดียวของเจ้า คืออิสอัค ผู้ที่เจ้ารัก และไปยังแผ่นดินโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า”
Genesis 22:2 And he said, Take now thy son, thine only son Isaac, whom thou lovest, and get thee into the land of Moriah; and offer him there for a burnt offering upon one of the mountains which I will tell thee of.



ข้อสังเกต
หลังจากนั้น ในคัมภีร์ยิว-คริสต์ ก็ไม่มีการกล่าวถึง อิชมาเอลอีกเลย ผิดกับ อิสอัคที่ พระคัมภีร์ได้พูดถึงเรื่องราวของท่านไว้อย่างต่อเนื่อง
อับราฮัมส่งเอลีเอเซอร์ไปหาเจ้าสาวสำหรับอิสอัค                     ปฐก 24
อิสอัคได้รับพันธสัญญาเช่นเดียวกับอับราฮัม                          ปฐก 26
อิสอัคอวยพรยาโคบ                                                         ปฐก  27


ปฐก25:5 และอับราฮัมได้มอบทุกสิ่งที่ท่านมีอยู่แก่อิสอัค

อพย32:13 ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม อิสอัค และอิสราเอล พวกผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิญาณด้วยพระองค์เอง และตรัสแก่เขาเหล่านั้นไว้ว่า ‘เราจะให้เชื้อสายของพวกเจ้าทวีมากขึ้นดุจดวงดาวมากมายในฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินนี้ทั้งหมดซึ่งเรากล่าวถึงแล้ว เราจะประทานให้แก่เชื้อสายของพวกเจ้า และพวกเขาจะรับแผ่นดินนี้ไว้เป็นมรดกตลอดไป’”


เลวีนิติ26:42 ดังนั้น เราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อยาโคบ และพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่ออิสอัค และพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่ออับราฮัมด้วย และเราจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น

1พงศาวดาร16:16 คือพันธสัญญาซึ่งพระองค์ทรงกระทำไว้กับอับราฮัม คำปฏิญาณซึ่งทรงกระทำไว้กับอิสอัค
กท4:28 พี่น้องทั้งหลาย บัดนี้เราเป็นบุตรแห่งพระสัญญาเช่นเดียวกับอิสอัค
(พบใน NT)

ฮบ11:18 คือบุตรที่มีพระดำรัสไว้ว่า ‘เขาจะเรียกเชื้อสายของเจ้าทางสายอิสอัค
(พบใน NT)

ชาวยิวและชาวคริสต์ ใช้พระคัมภีร์เดิมเหมือนกัน  แตกต่างแค่การเรียงลำดับเท่านั้นเอง


มีคำพยากรณ์จาก OT แจ้งเอาไว้ล่วงหน้า ว่า พระเมสสิยาห์ (คือพระเยซูคริสต์) จะเสด็จมาบังเกิด และ สำเร็จแล้วใน NT
มธ1:21 และเธอจะประสูติบุตรชาย และเจ้าจะเรียกนามของท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านจะโปรดช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากความผิดบาปของเขาทั้งหลาย”
มธ1:22 บัดนี้บรรดาสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามคำตรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยผู้พยากรณ์ว่า
มธ1:23 ‘ดูเถิด หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และจะคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล ซึ่งแปลว่า พระเจ้าทรงอยู่กับเรา’

ถ้าดูจากแผนผังนี้ก็ไม่น่าเกี่ยวกันได้เลย ระหว่าง อิสลาม กับฝั่ง ยิว - คริสต์ เพราะไม่มีจุดเชื่อมต่อใดๆ ไปยังมูฮัมมัด


ความเชื่อมโยงระหว่าง OT และ NT มีความสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกัน และ ลิงค์ถึงกัน แต่ Quran  ไม่มีจุดเชื่อมต่อใดๆให้เห็น

 
ยน4:25 นางทูลพระองค์ว่า “ดิฉันทราบว่าพระเมสสิยาห์ที่เรียกว่า พระคริสต์ จะเสด็จมา เมื่อพระองค์เสด็จมาพระองค์จะทรงชี้แจงทุกสิ่งแก่เรา”

ยน4:26 พระเยซูตรัสกับนางว่า “เราที่พูดกับเจ้าคือท่านผู้นั้น”

ยน6:68 ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์

ยน6:69 และข้าพระองค์ทั้งหลายก็เชื่อและแน่ใจแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์”



สุดท้าย  อิสลาม เอาเรื่องพระเยซูไปเขียนใหม่แบบผิดๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับของชาวคริสต์และไบเบิล อีกทั้งขัดแย้งกับประวัติศาสตร์นอกพระคัมภีร์อีกด้วย

...และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีห อีซา บุตรของมัรยัม ร่อซู้ลของอัลลอฮ์ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซา และหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก้พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้น แน่นอนย่อมอยู่ในความสงสัยเกี่ยวกับเขา พวกเขาหามีความรู้ใดๆ ต่อเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าเขาด้วยความแน่ใจ (อีซา)...  (คัมภีร์กุรอาน, 4:157)


ต้นฉบับไบเบิลชาวคริสต์พบในพระกิตติคุณ 4 เล่มแรก ยกข้อ พระธรรมยอห์น มาให้ดูบางส่วน

ยน19:16 แล้วปีลาตจึงมอบพระองค์ให้เขาพาไปตรึงที่กางเขน และเขาพาพระเยซูไป

ยน19:17 และพระองค์ทรงแบกกางเขนของพระองค์ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า สถานที่กะโหลกศีรษะ ภาษาฮีบรูเรียกว่า กลโกธา

ยน19:18 ณ ที่นั้น เขาตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนกับคนอีกสองคน คนละข้างและพระเยซูทรงอยู่กลาง
ยน19:28 หลังจากนั้นพระเยซูทรงทราบว่า ทุกสิ่งสำเร็จแล้ว เพื่อพระคัมภีร์จะสำเร็จจึงตรัสว่า “เรากระหายน้ำ”
ยน19:30 เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำองุ่นเปรี้ยวแล้ว พระองค์ตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงปล่อยพระวิญญาณจิตออกไป



 Frank Morison เป็นทนายความ
ไม่เชื่อว่าพระเยซูท่านเป็นขึ้นมาจากความตาย และ ถูกตรึงกางเขนจริง จึงได้หาข้อพิสูจน์ ต่างๆ ...เรื่องพระศพหายไปไหน จนกระทั่งเขาได้เขียนหนังสือที่เขาไม่ตั้งใจจะเขียนขึ้น คือ Who moved the stone ?
 

ตอนแรกท่านจะเขียนเพื่อต่อต้าน แต่ สิ่งต่างๆ ที่ท่านพิสูจน์ กลับกลายเป็นข้อสนับสนุนเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์  จนทำให้ท่านรับเชื่อใน พระองค์



ข้อหลักฐานที่ไม่ใช่ ชาวคริสต์บันทึกเอง เรื่องการถูกตรึงที่กางเขน รวมถึงเรื่องอื่นๆ ซึ่งประวัติศาสตร์ภายนอกก็สอดคล้องและตรงกับไบเบิลทุกประการ
 




สรุป
      อิสลาม ไม่มีจุดเชื่อม ระหว่าง ยิว - คริสต์

    พระคัมภีร์เดิมให้น้ำหนักกับอิสอัค มากกว่า อิชมาเอล
     
   พระคัมภีร์เดิมเกี่ยวข้องกับชาวยิว ไม่ใช่ฝั่งอาหรับมุสลิม

    ไบเบิลชาวยิว - คริสต์ สอดคล้องกัน  ซึ่งไม่สอดคล้องกับ Quran

    ไม่มีจุดเชื่อมต่อ ระหว่างพระเยซูคริสต์ กับ มูฮัมหมัด

   





 







Monday, October 19, 2015

โบราณคดีพระคัมภีร์ไบเบิล


1.เมือง เออร์ (อิรักปัจจุบัน) , หรือ เมืองเออร์ของชาวเคลเดีย  หรือ เมืองฮารานใน

เมโสโปเตเมีย ก็คือความหมายอย่างเดียวกัน
ปฐก11:31 และเทราห์ก็พาอับรามบุตรชายของเขากับโลทบุตรชายของฮารานผู้เป็นหลานชายของเขาและซาราย บุตรสะใภ้ของเขาผู้เป็นภรรยาของอับรามบุตรชายของเขา และเขาทั้งหลายออกจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดียพร้อมกับพวกเขา จะเข้าไปยังแผ่นดินแห่งคานาอัน และพวกเขามาถึงเมืองฮารานและอาศัยอยู่ที่นั่น
 



กจ7:2 ฝ่ายสเทเฟนจึงตอบว่า ท่านทั้งหลาย พี่น้องและบรรดาท่านผู้อาวุโส ขอฟังเถิด พระเจ้าแห่งสง่าราศีได้ปรากฏแก่อับราฮัมบิดาของเรา เมื่อท่านยังอยู่ในประเทศเมโสโปเตเมียก่อนที่ไปอาศัยอยู่ในเมืองฮาราน

เนหะมีย์9:7 พระองค์คือพระเยโฮวาห์พระเจ้าผู้ทรงเลือกอับราม และทรงนำท่านออกมาจากเมืองเออร์แห่งประเทศเคลเดีย และทรงประทานนามท่านว่าอับราฮัม


2. เมืองเอเฟซัส ที่อยู่ใน พระคัมภีร์ใหม่ (the New Testament)


 

อฟ1:1 เปาโล ผู้เป็นอัครสาวกของพระเยซูคริสต์ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เรียน วิสุทธิชนซึ่งอยู่ที่เมืองเอเฟซัส และผู้สัตย์ซื่อในพระเยซูคริสต์

3.ซุ้มประตูทิทัสที่โรม

กรุงเอเธนส์ ใน พระคัมภีร์ใหม่ที่อ.เปาโลไปเทศนาสั่งสอน

กจ17:22 ฝ่ายเปาโลจึงยืนขึ้นกลางเนินเขาอาเรโอแล้วกล่าวว่า ท่านชาวกรุงเอเธนส์ ข้าพเจ้าเห็นว่าท่านทั้งหลายเชื่อถือโชคลางเกินไปในทุกเรื่อง

 
 
 
4.  โรงละครในเอเฟซัส (ตุรกีปัจจุบัน)

กจ19:31 มีบางคนในพวกเจ้านายที่ประจำแคว้นเอเชียซึ่งเป็นสหายของเปาโล ได้ใช้คนไปวิงวอนขอเปาโลมิให้เข้าไปในโรงมหรสพ

โรงมหรสพ หรือ โรงละคร พบค่อนข้างมากใน เอเฟซัส

 


 
 


อฟ6:24 ขอพระคุณดำรงอยู่กับบรรดาคนที่รักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราด้วยความจริงใจ เอเมน [เขียนถึงชาวเอเฟซัสจากกรุงโรม และส่งโดยทีคิกัส]

5.   รูปปั้นของอาร์ทิมิส(พระไดอาน่า)ในเอเฟซัส

กจ19:28 ครั้นคนทั้งหลายได้ยินดังนั้น ต่างก็โกรธแค้นและร้องว่า พระไดอาน่าของชาวเอเฟซัสเป็นใหญ่
 
 

กจ19:27 น่ากลัวว่าไม่ใช่แต่อาชีพของเราจะเสียไปอย่างเดียว แต่พระวิหารของพระแม่เจ้าไดอาน่าซึ่งเป็นใหญ่จะเป็นที่หมิ่นประมาทด้วย และสง่าราศีแห่งรูปของพระแม่เจ้านั้นซึ่งเป็นที่นับถือของบรรดาชาวแคว้นเอเชียกับสิ้นทั้งโลก จะเสื่อมลงไป


 
6. เป็นส่วนหนึ่งของเสาพระวิหารอาร์ทิมิส ปัจจุบันอยู่ในพิพิธพันธ์ที่อังกฤษ ในกรุงลอนดอน

 
 
7. อุทยานแห่งชาติมาเรชาห์  


2 พศด11:8 กัท มาเรชาห์ และศิฟ 
2 พศด14:10 และอาสาทรงยกออกไปปะทะกับเขา และเขาทั้งหลายก็ตั้งแนวรบในหุบเขาเศฟาธาห์ที่มาเรชาห์

 
ยชว15:44 เคอีลาห์ อัคซีบ มาเรชาห์ รวมเป็นเก้าหัวเมืองกับชนบทของเมืองนั้น ๆ ด้วย

 

2 พศด14:9 เศ-ราห์ชาวเอธิโอเปียได้ออกมาต่อสู้กับเขาทั้งหลายด้วยกองทัพหนึ่งล้านคน และรถรบสามร้อยคันมาถึงเมืองมาเรชาห์


ถ้ำและอุโมงค์ภายใต้อุทยานแห่งชาติมาเรชาห์  
 

 
 
 
 
คาดการอายุ ถ้ำ และ อุโมงค์ข้างใต้อยู่ในช่วง 4-9 ศตวรรษ  ซึ่งใช้ในการหลบซ่อนจากสงครามสมัยนั้น

 


 



เมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์


ปฐก14:10 และที่หุบเขาแห่งสิดดิมมีบ่อยางมะตอยเต็มไปหมด และเหล่ากษัตริย์แห่งเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ได้หนีมาและตกลงไปที่นั่น และส่วนผู้ที่เหลืออยู่ก็หนีไปยังภูเขา


ปฐก19:15 และเมื่อรุ่งเช้าทูตสวรรค์เหล่านั้นจึงเร่งเร้าโลท กล่าวว่า “จงลุกขึ้น พาภรรยาของเจ้า และบุตรสาวทั้งสองของเจ้า ซึ่งอยู่ที่นี่ไปเสีย เกรงว่าเจ้าจะถูกทำลายพร้อมกับความไร้ศีลธรรมของเมืองนี้”

ปฐก19:24 ดังนั้น พระเยโฮวาห์ทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเยโฮวาห์ตกมาจากฟ้าสวรรค์ลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์








 บาบิโลน (ปัจจุบันอิรัก)
 

2พงศ์กษัตริย์20:14 แล้วอิสยาห์ผู้พยากรณ์ก็เข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ และทูลพระองค์ว่า “คนเหล่านี้ทูลอะไรบ้าง และเขามาเฝ้าพระองค์แต่ไหน” และเฮเซคียาห์ตรัสว่า “เขาได้มาจากเมืองไกล จากบาบิโลน
 
อสย 13:1 ภาระเกี่ยวกับบาบิโลน ตามซึ่งอิสยาห์บุตรชายของอามอสได้เห็น
 อสย13:20 จะไม่มีใครเข้าอยู่ในบาบิโลน หรืออาศัยอยู่ตลอดทุกชั่วอายุ คนอาระเบียจะไม่กางเต็นท์ของเขาที่นั่น ไม่มีผู้เลี้ยงแกะที่จะให้แกะของเขานอนลงที่นั่น
เมืองกิเบโอน
 
2ซมอ2:13 และโยอาบบุตรชายนางเศรุยาห์กับพวกข้าราชการทหารของดาวิดก็ออกไปพบกับเขาที่สระเมืองกิเบโอน และเขาทั้งหลายก็นั่งอยู่ที่ขอบสระ พวกหนึ่งอยู่ที่ขอบสระข้างนี้ อีกพวกหนึ่งข้างโน้น
 
 
2ซมอ2:12 อับเนอร์บุตรชายเนอร์และพวกข้าราชการทหารของอิชโบเชทราชโอรสของซาอูลได้ออกจากมาหะนาอิมไปยังเมืองกิเบโอน
 
1 พงศ์กษัตริย์ 3:5 พระเยโฮวาห์ทรงปรากฏแก่ซาโลมอนที่เมืองกิเบโอนเป็นพระสุบินในกลางคืน และพระเจ้าตรัสว่า “เจ้าอยากให้เราให้อะไรเจ้าก็จงขอเถิด”
1 พงศ์กษัตริย์3:4 และกษัตริย์เสด็จไปที่เมืองกิเบโอนเพื่อถวายเครื่องสัตวบูชาที่นั่น เพราะที่นั่นเป็นมหาปูชนียสถานบนที่สูง ซาโลมอนทรงถวายเครื่องเผาบูชาพันตัวบนแท่นบูชานั้น
 
 
wine-making cellars at Gibeon,
 
Well stomp on this one- Ancient Wine Press Found Under Tel Aviv City Street